ชบา
ชื่อสามัญ : Shoe flower, Hibiscus, Chinese rose
เป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียตะวันออก ชาวโอรังอัซลีในรัฐเปรัก มาเลเซีย ใช้เปลือกรากแช่ในน้ำข้ามคืนและดื่มขณะท้องว่างเพื่อรักษาฝี
เชื่อกันว่า ดอกชบาเข้าประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เพราะได้รับการกล่าวถึงใน ไตรภูมิพระร่วง และคาดว่า ได้รับมาจากอินเดีย เพราะชื่อ ชบา เป็นภาษาสันสฤต คำว่า ชปา
ความนิยมของคนไทยใน การปลูกชบา มีทั้งปลูกเป็นปลูกเป็นไม้ประดับ แนวรั้วแสดงอาณาเขต และปลูกเป็นไม้ กระถางขนาดกลาง
ความเชื่อและความเป็นมงคล
ปัจจุบัน มีความเชื่อว่า ถ้าปลูกไม้ดอกชนิดนี้ จะให้คุณด้านการเงิน มีเงินทองไหลมาเทมา บานสะพรั่งเหมือนเช่น ดอกชบา
ลักษณะทั่วไปของชบา
ชบา เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกตูม จะมีลักษณะเป็นหลอด ปลายหลอดแหลม มีกลีบเลี้ยงสีเขียวหุ้ม อยู่ด้านนอก ดอกบานจะเป็นรูปถ้วย มีทั้งชนิดดอกซ้อน และดอกรา มีสีมพู แดง แสด ขาว เหลือง ม่วง และสีอื่น ๆ
ดอกชบาแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ
– ดอกบานเป็นรูปถ้วย
– ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
– กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง

การปลูกเลี้ยงและการดูแลรักษา
ดินปลูก : ควรเป็นดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี
– ผสมดินร่วน ขี้เถ้าแกลบ การมะพร้าวสับ และปุ๋ยคอก อัตราส่วนอย่างละ 1 ส่วน
น้ำ : ขึ้นกับฤดูการ ควรให้น้ำเมื่อฝนไม่ตก วันละ 1 ครั้ง และไม่ควรให้น้ำขัง
ปุ๋ย : ควรให้ปุ๋ยสูตร 16 – 16 – 16 หรือ 15 – 15 – 15 ทุกๆ เดือน เดือนละครั้ง พร้อมทั้งพรวนดิน
การขยายพันธุ์
1. ปักชำ
2. เสียบยอด
3. ติดตา
สรรพคุณของดอกชบา
1. เปลือกต้นชบา สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราได้
2. รากสด ๆ ของชบาพันธุ์ดอกขาวหรือแดง นำมาตำละเอียดใช้พอกฝีได้
3. ดอกชบาช่วยฟอกโลหิต
5. ชบาช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับไต
6. ดอกชบาช่วยดับร้อนในร่างกาย แก้กระหาย และช่วยแก้ไข้
7. ช่วยเรียกน้ำย่อย ทำให้อาการมีรสชาติดีขึ้น ด้วยการใช้รากชบาน้ำไปต้มกับน้ำดื่ม