พลับพลึง
ชื่อสามัญ (ภาษาอังกฤษ) : Crinum lily หรือ Cape lily, Spider lily, Poison bulb
พลับพลึงเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี เป็นพรรณไม้ล้มลุกขึ้นเป็นกอ และมีหัวอยู่ใต้ดิน พบได้ในจีน, ฮ่องกง, อินเดีย และ ญี่ปุ่น ในใบและหัวพลับพลึงมีสารไลโคริน รับประทานจะทำให้อาเจียน ท้องร่วงอย่างแรง
ความเชื่อและความเป็นมงคล
มีการปลูกต้นพลับพลึงไว้ในบ้านเพื่อแก้เคล็ด ช่วยขับไล่สิ่งที่ไม่เป็นมงคล ช่วยให้ชนะสิ่งไม่ดีทั้งปวงได้ นอกจากนี้ ในด้านของพิธีกรรมความเชื่อ ก็มีการใช้ใบพลับพลึงนำมาซอย แล้วใส่ลงในขันน้ำมนต์ นำมาใช้ประพรมตัวเพื่อขับไล่ผีสางหรือสิ่งอัปมงคล
ลักษณะทั่วไปของพลับพลึง
ต้นพลับพลึง
จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่ขึ้นเป็นกอ ลำต้นกลม มีหัวอยู่ใต้ดิน เมื่อเติบโตเต็มที่ จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12 – 15 เซนติเมตร มีความสูงราว 90 – 120 เซนติเมตร
ใบพลับพลึง
ใบมีสีเขียวจะออกรอบ ๆ ลำต้น ใบมีลักษณะแคบ เรียวยาว ขอบใบเป็นคลื่น ปลายใบแหลม ใบหนาอวบ โดยมีความกว้างประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 60 – 90 เซนติเมตร
ดอกพลับพลึง
ดอกเป็นช่อใหญ่ มีกลิ่นหอม แต่ละช่อ มีดอกประมาณ 15 – 40 ดอก ก้านดอกจะชูขึ้นกลางลำต้น มีความยาวประมาณ 90 เซนติเมตร และมีความสูงราว 90 – 120 เซนติเมตร หนึ่งดอก มี 6 กลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่ กลีบดอกจะโค้งเข้าหาก้านดอก ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ มีอยู่ 6 ก้าน ชูสูงขึ้นจากดอก ที่บริเวณปลายเกสร จะมีสีแดงและทยอยออกดอกเรื่อยๆ
ผลพลับพลึง
ผลสีเขียวอ่อน ลักษณะของผลค่อนข้างกลม

การขยายพันธุ์
1. แยกหน่อที่ขึ้นบริเวณโคนต้น
2. เพาะเมล็ด
สรรพคุณของพลับพลึง
1. ใบ พลับพลึงมีสรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
2. ใบ ช่วยขับเสมหะ
3. ใบ ใช้เป็นยาระบาย
4. ราก พลับพลึงสามารถใช้รักษาพิษจากยางน่องได้
5. ราก พลับพลึงใช้พอกแผลได้ ด้วยการนำรากมาตำแล้วพอกบริเวณบาดแผล
ประโยชน์ของพลับพลึง
1. ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับเพื่อความสวยงามและให้กลิ่นหอม
2. ดอกพลับพลึงสามารถนำไปวัดหรือใช้บูชาพระได้
3. ดอกพลับพลึงมีกลิ่นหอม ช่อใหญ่และยาว นิยมนำมาใช้จัดแจกัน ทำกระเช้าดอกไม้
