สนฉัตร
ชื่อสามัญ : Norfolk island pine
เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Araucariaceae มาจากชื่อจังหวัด Arauca ในตอนใต้ของซีลอน เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ และทวีปออสเตรเลียทางแถบคาบสมุทรแปซิฟิก Sir Joseph Ranks ได้นำเข้ามาปลูกในสวน kew ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1793
จัดเป็นไม้สนประดับชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในปัจจุบัน เนื่องจากแตกกิ่งแผ่ออกเป็นชั้น ใบมีสีเขียวสวยงาม ทรงพุ่มไม่ใหญ่ เหมาะสำหรับการปลูกในกระถาง และปลูกในสวนหย่อม
ความเชื่อและความเป็นมงคล
สนฉัตรนั้น เป็นต้นไม้ที่เหมาะในการปลูกเพื่อเพิ่มบารมีให้กับครอบครัว ชื่อของสนฉัตรนั้น จึงเป็นชื่อที่เป็นมงคลเพราะ ”สน” นั้นคือการให้ความใส่ใจ เห็นอกเห็นใจ การปลูกสนฉัตร จึงช่วยให้สมาชิกในครอบครัวนั้น ได้รับการยกย่องเป็นที่สนอกสนใจ ได้รับคำชมเชย และได้รับความรักจากผู้คนทั่วไปอยู่เสมอ
ลักษณะทั่วไปของสนฉัตร
ลำต้น
สนฉัตรเป็นไม้ขนาดใหญ่ มีลำต้นสูงมากกว่า 6 เมตร ขึ้นไป จนถึง 45-60 เมตร ลำต้นมีขนาดใหญ่ถึง 1.5-3 เมตร เปลือกด้านนอกแกะออกได้เป็นสะเก็ดบางๆ และแตกออกด้านข้างลำต้น เป็นวงรอบ 4 – 7 กิ่ง ในแต่ละกิ่งจะมีกิ่งย่อย แตกออกตามความยาวของกิ่ง และจะโค้งขึ้นเล็กน้อยที่บริเวณปลายกิ่ง
ใบ
ใบของสนฉัตรแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
– กลุ่มใบอ่อนที่แตกออกใหม่ ซึ่งจะมีลักษณะโค้งเข้า มีสีเขียวเข้ม ใบมีลักษณะนุ่ม สีเขียวสด มีขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร
– ใบที่แก่แล้ว จะมีลักษณะปลายใบมีขนาดเล็ก และแหลม ขึ้นเรียงซ้อนกันเป็นเกล็ดหนาทึบ และขึ้นเป็นเกลียวรอบกิ่ง อาจจะตรงหรือโค้ง ยาวประมาณ 1 – 4 เซนติเมตร กว้าง 0.5 – 1.5 เซนติเมตร
ดอก
เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมียรวมอยู่ในต้นเดียวกันหรืออาจแยกต้นกันอยู่ ส่วนมากจะพบแยกต้นกัน ดอกจะแทงออกบริเวณยอด โดยทั่วไปจะมีสีเหลืองม่วงหรือแดงเข้ม
เมล็ด
เป็นรูปทรงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร บริเวณโคน scale มีจำนวนมาก มีการเรียงตัวแบบเกลียวอยู่ชิดซ้อนกันเป็นเกล็ดๆ ตรงส่วนปลายมีลักษณะยาวเป็นแบบ lancaolate acuminate ตรงบริเวณขอบ มีลักษณะบางลงเป็นปีก (wing) บริเวณยอดจะหนา และแข็ง และอยู่ติดกับเมล็ดเดียวแบนๆ ไม่มีปีก

ประโยชน์สนฉัตร
1. เนื้อไม้ นำเนื้อไม้สนฉัตรมาใช้ประโยชน์ในด้านงานก่อสร้าง และงานตกแต่งบ้าน
2. การปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
3. น้ำยางสนฉัตรที่ให้สีค่อนข้างขาว และมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำมาทำเทียนไข และในทางการแพทย์ ยังนำน้ำยางมาใช้สำหรับทาแก้ฟกช้ำ แก้ปวดเมื่อย และอาการฟกช้ำ